NEWS & PROMOTION

ข่าวสารและโปรโมชั่น

ยางรถยนต์ใช้ได้กี่ปี สมควรเปลี่ยนยางเส้นใหม่เมื่อไร?

ยางรถยนต์ใช้ได้กี่ปี

ผู้ที่ใช้รถใช้ถนนเป็นประจำ ควรหมั่นตรวจเช็กสภาพรถยนต์ให้พร้อมกับการขับขี่อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นสภาพเครื่องยนต์ อุปกรณ์ต่างๆ ทั้งภายนอกและภายใน รวมไปถึงการเช็กสภาพยางรถยนต์ว่าหมดอายุเมื่อไหร่ สมควรเปลี่ยนเส้นใหม่ตอนไหน เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ และช่วยป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนนนั่นเอง หลายคนอาจสงสัยว่าเราจะรู้อายุการใช้งานของยางรถยนต์ได้อย่างไร ว่ามีอายุการใช้งานกี่ปี มีวันหมดอายุหรือไม่ และควรเปลี่ยนเส้นใหม่ได้หรือยัง เรามาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันได้ที่นี่เลย

 

ยางรถเก๋งใช้ได้กี่ปี

 

ยางรถยนต์ ยางรถเก๋งใช้ได้กี่ปี ยางรถยนต์มีวันหมดอายุหรือไม่

หลายคนสงสัยว่า ยางรถยนต์ควรเปลี่ยนทุกกี่ปี? จริงๆ แล้ว ยางรถยนต์หรือยางรถเก๋งทั่วไป ไม่ได้มีอายุการใช้งานที่ตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ส่วนใหญ่ยางรถยนต์มักจะมีอายุเฉลี่ยประมาณ 4-5 ปี นับตั้งแต่วันที่เริ่มใช้งาน นอกจากนี้ การดูว่ายางรถยนต์ใช้ได้กี่ปี และเช็กสภาพว่าสมควรเปลี่ยนยางแล้วหรือยัง ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานรถอีกด้วยนะ

 

ปัจจัยที่ส่งผลต่ออายุการใช้งานยาง

1. สภาพการใช้งาน

  • การขับขี่บนถนนที่ขรุขระ พื้นถนนที่มีหลุมหรือบ่อ จะทำให้ยางสึกหรอเร็วขึ้น
  • การบรรทุกน้ำหนักมากเกินพิกัด จะทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
  • การขับขี่ด้วยความเร็วสูงหรือเบรกบ่อย จะทำให้ยางร้อนและเสื่อมสภาพเร็วขึ้น

2. สภาพอากาศ

  • อากาศร้อนจัดจะทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
  • การสัมผัสกับแสงแดดเป็นเวลานานจะทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็วขึ้น

3. การดูแลรักษายาง

  • การเติมลมยางให้ถูกต้องตามมาตรฐานจะช่วยยืดอายุการใช้งานของยาง
  • การสลับยางทุก 6 เดือน หรือ 10,000 กิโลเมตร จะช่วยให้ยางสึกหรออย่างสม่ำเสมอ
  • การตรวจเช็คสภาพยางเป็นประจำจะช่วยให้พบความผิดปกติได้เร็ว

สำหรับยางที่ผลิตมานานหลายปี แต่ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ ถ้าหากถูกเก็บรักษาเป็นอย่างดี เนื้อยางยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์ อาจมีอายุนาน 8-10 ปีเลยทีเดียว ทั้งนี้ แนะนำให้ตรวจเช็กสภาพยางก่อนนำมาใช้งาน อย่างไรก็ตาม หากต้องการรู้ว่ายางหมดอายุเมื่อไหร่ เราสามารถเช็กวันหมดอายุยางรถยนต์ได้ โดยการดูวันผลิตที่เส้นยาง ซึ่งมีวิธีตรวจเช็กด้วยตัวเองง่ายๆ ดังนี้

 

วิธีดูยางรถยนต์หมดอายุ

 

วิธีเช็กวันผลิตและวันหมดอายุยางรถยนต์ใช้ได้กี่ปี 

สำคัญมาก! การดูอายุยางรถยนต์ปีที่ผลิต เนื่องจากการใช้ยางรถยนต์ที่หมดอายุหรือเสื่อมสภาพ อาจเป็นหนึ่งสาเหตุสำคัญของอุบัติเหตุร้ายแรงบนท้องถนน แต่ไม่ต้องกังวลไป เราสามารถดูแลความปลอดภัยได้ง่ายๆ ด้วยการตรวจสอบวันผลิตยางรถยนต์บนแก้มยางด้านนอก 

เพียงมองหาตัวเลขบนแก้มยางด้านนอกที่เป็นรหัสมาตรฐานสากล ประกอบไปด้วยตัวเลข 4 ตัว ที่แสดงสัปดาห์และปีที่ผลิตที่เป็น ค.ศ. เอาไว้ (WWYY)

เช่น รหัส 4 หลัก 1220 

  • เลข 2 ตัวแรก ระบุสัปดาห์ที่ผลิต 
  • เลข 2 ตัวหลังระบุปี ค.ศ. ที่ผลิต 

หมายความว่า ยางรถยนต์เส้นนี้ผลิตในสัปดาห์ที่ 12 ของปี ค.ศ. 2020 เมื่อนำมาใช้งาน ยางจะมีวันหมดอายุประมาณปี ค.ศ. 2024 หรือ ปี ค.ศ. 2025 นั่นเอง เมื่อครบกำหนดยางหมดอายุหรือใช้งานยางไปได้ประมาณ 40,000 – 50,000 กม. ศูนย์รถยนต์หรือช่างซ่อมรถก็มักแนะนำให้เปลี่ยนยางเส้นใหม่ตามความเหมาะสม 

ถ้าหากเราใช้รถทุกวัน ขับรถทางไกล ขนของบ่อยๆ หรือต้องขับรถบนสภาพถนนที่ขรุขระ ก็อาจส่งผลให้อายุการใช้งานยางสั้นลงได้เช่นกัน ดังนั้น ถ้าหากใช้งานรถยนต์เป็นประจำ แนะนำให้หมั่นสังเกตและเช็กสภาพยางรถยนต์อยู่เสมอ 

 

วิธีเช็กยางรถยนต์เสื่อมสภาพ

 

5 วิธีเช็กยางรถยนต์เสื่อมสภาพง่ายๆ ด้วยตัวเอง 

เมื่อเวลาผ่านไปยางรถยนต์ก็มักจะเสื่อมสภาพไปตามการใช้งาน คนที่ใช้รถยนต์เป็นประจำควรรู้วิธีเช็กยางรถยนต์เบื้องต้น ว่ายางที่เราใช้อยู่นั้นสมควรเปลี่ยนเส้นใหม่หรือยัง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ โดยมีวิธีเช็กง่ายๆ ดังนี้ 

1. เช็กดอกยาง 

ควรตรวจเช็กว่าดอกยางมีการสึกหรอผิดปกติหรือไม่ สึกในระดับที่เท่ากันหรือไม่ โดยดอกยางควรเหลือต่ำสุดไม่น้อยกว่า 1.6 มิลลิเมตร ถ้าหากเหลือต่ำกว่านี้ แสดงว่าดอกยางเสื่อม ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนยางเส้นใหม่แล้ว

2. เช็กสะพานยาง 

สะพานยางคือปุ่มเล็กๆ ที่อยู่ระหว่างร่องของดอกยาง เป็นตัวช่วยในการเช็กสภาพดอกยางรถยนต์อีกวิธีหนึ่ง ถ้าหากดอกยางสึกหรอจนมองเห็นสะพานยางหรือสึกจนเหลือระดับเดียวกับสะพานยางเมื่อไหร่ นี่เป็นสัญญาณเตือนว่าควรเปลี่ยนยางเส้นใหม่

3. แก้มยางมีรอยปริ รอยร้าว

แก้มยางเป็นอีกจุดที่สามารถสังเกตเองได้ง่าย เป็นการเสื่อมสภาพของยางภายนอก ถ้าหากสังเกตเห็นว่าแก้มยางมีรอยปริแตก รอยร้าว หรือรอยฉีกขาด แนะนำให้รีบเปลี่ยนยางโดยเร็ว เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุยางระเบิดได้ 

4. ยางบวม 

ยางรถบวมเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การเสื่อมสภาพจากการใช้งาน ตกหลุม ถูกกระแทกอย่างแรง หรือบรรทุกของหนักจนเกินไป ถ้าหากสังเกตเห็นว่ายางรถบวม ไม่ว่าจะบวมมากหรือบวมน้อย แนะนำให้รีบเปลี่ยนยางรถโดยเร็ว ไม่ควรฝืนใช้งานเด็ดขาด เพราะอาจเสี่ยงต่อยางระเบิดได้ 

5. เนื้อยางแข็ง

การสังเกตเนื้อยางก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ใช้ตรวจเช็กยางเสื่อมสภาพได้เช่นกัน ยางรถใหม่มักจะมีเนื้อยางนิ่ม แต่ถ้าหากยางเก่า ใช้งานมานาน เนื้อยางจะเริ่มแข็ง อาจส่งผลให้เบรกหรือเข้าโค้งได้ไม่ดีเท่าที่ควร เหมือนตอนซื้อรถใหม่ๆ วิธีเช็กความแข็งของเนื้อยาง คือ ใช้เล็บจิกลงบนหน้ายาง ถ้าจิกลงไปแล้ว ไม่มีรอยเล็บ หมายความว่า เนื้อยางแข็งและเริ่มเสื่อมสภาพ ให้รีบเปลี่ยนยางโดยเร็ว

 

จะเห็นว่า ยางรถยนต์นับเป็นอีกหนึ่งอะไหล่รถยนต์ที่คนใช้รถใช้ถนนไม่ควรมองข้าม ยิ่งถ้าหากเราใช้รถเป็นประจำแนะนำให้หมั่นตรวจเช็กสภาพยางรถยนต์อยู่เสมอ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด 

ถ้าหากต้องการเปลี่ยนยางรถยนต์เส้นใหม่ หรือต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับยางรถยนต์ Dunlop มียางรถยนต์ ยางรถเก๋งหลากหลายรุ่นให้เลือก ครอบคลุมทุกประเภทการใช้งานในราคาที่คุ้มค่า มั่นใจได้เลยว่า ดันลอป จะเป็นคู่หูสำคัญบนท้องถนน ที่ช่วยให้คุณไปถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัย ไร้กังวล สามารถติดต่อตัวแทนจำหน่ายดันลอปที่ใกล้ที่สุด หรือค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ Find a Dealer

 

ข่าวสารที่เกี่ยวข้อง

ยางรถยนต์ขอบ 18

ยางรถยนต์ขอบ 18 รุ่นยอดนิยม พร้อมเปรียบเทียบสเปกที่เหมาะกับคุณ

” กังวลเรื่องยางรถยนต์ขอบ 18 ยี่ห้อไหนดีปี 2024 อยู่หรือเปล่า? Dunlop พร้อมเป็นคู่หูในการเลือกยางที่ใช่และตอบโจทย์การขับขี่ของคุณ! “ ไม่ว่

อ่านต่อ...
ริมการ์ดยาง (Rim Guard)

ริมการ์ดยาง (Rim Guard) คืออะไร อยากปกป้องล้อแม็กซ์ให้เหมือนใหม่ต้องอ่าน!

“ล้อแม็กซ์” คือหนึ่งในอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ที่ช่วยเพิ่มความสวยงามและสปอร์ตให้กับรถ แต่การใช้งานในชีวิตประจำวันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ยางขูดฟุตบาทจะเกิดรอย

อ่านต่อ...
รีไซเคิลยางรถยนต์

ยางเก่าทิ้งที่ไหนถึงจะถูกที่ถูกทาง? รวมวิธีรีไซเคิลยางรถยนต์ที่คุณก็ทำได้

“ มนุษย์ ” และ “ สิ่งแวดล้อม ” มีความสัมพันธ์ที่แนบแน่น แน่นแฟ้นมาแต่ไหนแต่ไร เปรียบเสมือนสองสิ่งที่เกิดมา “ คู่กัน ” เพราะมนุษย์ต้องพึ่งพาสิ่งแวดล้อม

อ่านต่อ...
Select the fields to be shown. Others will be hidden. Drag and drop to rearrange the order.
  • Image
  • Price
  • ประสิทธิภาพบนถนนแห้ง
  • ประสิทธิภาพบนถนนเปียก
  • การต้านทานการเหินน้ำ
  • ความเงียบ
  • ความสะดวกสบาย
  • อายุการใช้งาน
  • พื้นหิมะ
  • พื้นโคลน
  • ถนนลูกรัง
  • ถนนเรียบ
  • ชนิดของรถ
Click outside to hide the comparison bar
Compare